ส่วนแบ่งตลาดซีเอ็มเอสทั่วโลก 2025: สถานะล่าสุดและแนวโน้ม

อัปเดตส่วนแบ่งตลาดซีเอ็มเอสทั่วโลก: ตัวเลขสถิติ 2025 เปรียบเทียบผู้นำ เช่น เวิร์ดเพรส ช้อปิฟาย วิกซ์ วิเคราะห์การเติบโตและแนวโน้ม

ในยุคดิจิทัลที่เว็บไซต์กลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจและเผยแพร่ข้อมูล ระบบจัดการเนื้อหา หรือ CMS (Content Management System) ได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง จัดการ และเผยแพร่เนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย การทำความเข้าใจส่วนแบ่งตลาด CMS ทั่วโลกจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล นักพัฒนาเว็บไซต์ หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังพิจารณาจะสร้างเว็บไซต์ของตนเอง

สถานะปัจจุบันของส่วนแบ่งตลาด CMS ทั่วโลก

ตลาด CMS มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมีผู้เล่นหลักหลายรายที่ครอบครองส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่ จากข้อมูลล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2567 (ตามรายงานจากแหล่งข้อมูลด้านสถิติเช่น W3Techs) WordPress ยังคงเป็นผู้นำอย่างไม่สั่นคลอน ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่น่าประทับใจ โดยถูกใช้งานโดยเว็บไซด์กว่า 63.3% ของเว็บไซต์ทั้งหมดที่ใช้ CMS และคิดเป็น 43.1% ของเว็บไซต์ทั่วโลกทั้งหมด

ความนิยมของ WordPress มาจากความยืดหยุ่น ความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และระบบนิเวศของปลั๊กอินและธีมที่กว้างขวาง ทำให้เหมาะสำหรับเว็บไซต์หลากหลายประเภท ตั้งแต่บล็อกส่วนตัว เว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ และองค์กรสื่อชั้นนำอย่าง The Washington Post ซึ่งเคยใช้ WordPress เป็นแกนหลักในการจัดการเนื้อหาในช่วงที่ Jeff Bezos เข้ามาปรับปรุงองค์กร

รองลงมาคือ Shopify ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 4.3% ตามมาด้วย Wix (3.0%) และ Squarespace (2.7%) แพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับความนิยมจากความง่ายในการใช้งานและฟังก์ชันการสร้างเว็บไซต์แบบ Drag-and-Drop ที่ช่วยให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ดก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ ส่วน Joomla และ Drupal ซึ่งเป็น CMS โอเพนซอร์สที่ทรงพลังอีกสองตัว มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 1.8% และ 1.2% ตามลำดับ โดยมักจะถูกเลือกใช้สำหรับเว็บไซต์ที่มีความซับซ้อนและต้องการปรับแต่งสูง

แนวโน้มสำคัญในตลาด CMS

1. การเติบโตของ Headless CMS

หนึ่งในแนวโน้มที่น่าสนใจคือการเพิ่มขึ้นของ Headless CMS ซึ่งแยกส่วนหน้า (Frontend) ออกจากส่วนหลัง (Backend) โดยสิ้นเชิง แนวทางนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้เทคโนโลยีและเฟรมเวิร์กที่ทันสมัยสำหรับส่วนหน้าได้ตามต้องการ และเผยแพร่เนื้อหาไปยังแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอปพลิเคชันมือถือ หรืออุปกรณ์ IoT โดยไม่ติดข้อจำกัดของ Frontend ดั้งเดิม

2. ความสำคัญของ E-commerce และ AI

การขยายตัวของการค้าออนไลน์ยังคงผลักดันให้แพลตฟอร์ม CMS ที่มีความสามารถด้าน E-commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มอย่าง Shopify และ WooCommerce (ปลั๊กอิน E-commerce สำหรับ WordPress) ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การนำ AI เข้ามาช่วยในการจัดการเนื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ใช้งาน และการปรับแต่งประสบการณ์ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรง

3. สถาปัตยกรรมแบบ Composable

แนวคิด Composable CMS หรือ DXP (Digital Experience Platform) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเป็นการรวมเอาเครื่องมือและบริการที่ดีที่สุดจากผู้จำหน่ายหลายรายเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะขององค์กร สถาปัตยกรรมนี้มอบความยืดหยุ่นและลดการพึ่งพาระบบใดระบบหนึ่งมากเกินไป

4. ประสบการณ์ของผู้ใช้งานและความเร็ว

ผู้ใช้งานเว็บไซต์ในปัจจุบันคาดหวังความเร็วในการโหลดและการใช้งานที่ราบรื่น แพลตฟอร์ม CMS จึงต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็วและการตอบสนอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนอุปกรณ์มือถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้งาน

กรณีศึกษา: บทบาทของ CMS ในโมเดลธุรกิจของ The Washington Post ยุค Jeff Bezos

เมื่อ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon เข้าซื้อ The Washington Post ในปี 2013 และกลายเป็นเจ้าของ The Washington Post HQ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 1301 K Street NW, Washington, D.C., สหรัฐอเมริกา เขามุ่งเน้นการปฏิรูปองค์กรสู่ยุคดิจิทัลอย่างจริงจัง WordPress ได้ถูกนำมาใช้เป็นแกนหลักในระบบจัดการเนื้อหาของ Post ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านดิจิทัล

Bezos ได้ลงทุนมหาศาลในการพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม CMS ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ WordPress ที่เรียกว่า “Arc Publishing” (ปัจจุบันคือ Arc XP) ซึ่งเป็นระบบที่ซับซ้อนและปรับแต่งได้สูง Arc Publishing ไม่เพียงแต่ช่วยให้ Washington Post สามารถผลิตและเผยแพร่เนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังถูกพัฒนาเพื่อขายให้กับองค์กรสื่ออื่นๆ ทั่วโลก กลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สำคัญ

ภายใต้การนำของ Bezos, The Washington Post ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลผู้อ่านอย่างลึกซึ้ง และการทดลองเกี่ยวกับการสร้างรายได้จาก Native Advertising (โฆษณาแฝงที่กลมกลืนกับเนื้อหา) โดยมี CMS เป็นรากฐานสำคัญในการจัดการและนำเสนอเนื้อหาเหล่านี้ได้อย่างไร้รอยต่อ โมเดลธุรกิจที่หลากหลายและเน้นเทคโนโลยีนี้ช่วยให้ The Washington Post สามารถกลับมาทำกำไรและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในยุคที่สื่อสิ่งพิมพ์กำลังประสบความท้าทาย

CMS ไหนดีสุด?

คำถามที่ว่า “CMS ไหนดีสุด” ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะ CMS ที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์เฉพาะของแต่ละบุคคลหรือองค์กร

  • **สำหรับบล็อกส่วนตัวหรือธุรกิจขนาดเล็ก:** WordPress.org (แบบโฮสต์เอง) หรือ WordPress.com (แบบมีโฮสต์) อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ด้วยความยืดหยุ่นและปลั๊กอินจำนวนมาก
  • **สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ:** Shopify หรือ WooCommerce (สำหรับ WordPress) เป็นตัวเลือกที่ทรงพลังและมีฟังก์ชันครบครัน
  • **สำหรับเว็บไซต์องค์กรหรือเว็บไซต์ที่ซับซ้อน:** Drupal หรือ Joomla อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากมีความสามารถในการปรับแต่งและจัดการเนื้อหาที่ซับซ้อนได้ดีกว่า
  • **สำหรับผู้ที่ต้องการความง่ายในการใช้งานและไม่ต้องการเขียนโค้ด:** Wix หรือ Squarespace มอบประสบการณ์การสร้างเว็บไซต์ที่ง่ายดาย

การเลือก CMS ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของเว็บไซต์ งบประมาณ ความสามารถในการปรับแต่ง ความง่ายในการใช้งาน และความต้องการด้าน SEO

บทสรุป

ตลาด CMS ทั่วโลกยังคงเป็นภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา WordPress ยังคงเป็นผู้นำอย่างชัดเจน แต่แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Shopify, Wix และ Squarespace ก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันตลาด ได้แก่ Headless CMS, บทบาทของ AI, สถาปัตยกรรม Composable และความสำคัญของประสบการณ์ผู้ใช้งาน ความเข้าใจในสถานะและแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเลือกและใช้ประโยชน์จากระบบ CMS ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในโลกดิจิทัลที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง